วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2561

หงุดหงิดอยากติดแพทย์

  คณะแพทย์ศาสตร์




     คณะแพทย์ศาสตร์ ที่เขาลือกันนักหนา ว่าสอบยาก เรียนเหนื่อย จบมาก็ทำงานหนัก เวลาไปเที่ยวก็ไม่ค่อยจะมี แต่!!!! หารู้ไม่ว่า อาชีพแพทย์ เป็นหนึ่งในอาชีพที่จบมาแล้วมีงานแน่นอน(ถ้าสอบใบประกอบวิชาชีพได้) เพราะเป็นอาชีพที่ขาดแคลนในประเทศไทย


แนะนำวิธีอ่านหนังสือเพื่อไปสอบ
   
     


         1.อ่านทบทวนความรู้พื้นฐานในแต่ละวิชา (เน้นม.4-ม.6) หลังจากนั้นให้เริ่มเจาะลึกทีละเรื่อง
         2.จดคำศัพท์หรือนิยามลงในสมุดโน๊ต
         3.ฝึกทำโจทย์ในวิชาต่างๆ
         4.พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าเครียดมากจนเกินไป


 คุณลักษณะนิสัยที่ควรมี


1. ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy)
หมอเป็นอาชีพที่ต้องเผชิญกับความเจ็บป่วย ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ ไม่ว่าจะต่อผู้ป่วย ต่อคนในครอบครัว ต่อสัตว์เลี้ยง และต่อบุคคลอันเป็นที่รัก    
2. แรงบันดาลใจ (Motivation) 
เด็กต้องให้เหตุผลของการอยากเรียนหมอ แสดงออกถึงความสนใจที่มาจากตนเอง รวมถึงเป้าหมายและแรงบันดาลใจในการเลือกเรียนสาขานี้ 
3. การสื่อสาร (Communication)
ความสามารถทางการสื่อสาร การใช้ภาษาได้ถูกต้องและเหมาะสม การอธิบายที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย รวมทั้งความสามารถในการรับฟัง
4. ความซื่อสัตย์ จริงใจ (Honesty and Integrity)
การมีศีลธรรมและความจริงใจต่อตนเองและผู้อื่นเป็นอีกส่วนที่สำคัญในการทำงานในทุกอาชีพ และสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้เป็นหมอทุกคนในการตรวจคนไข้และวินิจฉัยอาการ แจ้งผล และแก้ปัญหาของโรคให้ดีที่สุด 
5. การรู้จักตนเอง (Personal Insight)   
เข้าใจตนเองและรับมือกับความเครียด รู้จักจัดสรรเวลา ตั้งเป้าหมาย มีความรับผิดชอบ ยืดหยุ่นในบางสถานการณ์ และควบคุมอารมณ์จากความกดดันและปัญหาต่างๆ ได้ สิ่งเหล่านี้คือการเห็นคุณค่าในตนเอง เป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการปฏิบัติงานได้ดียิ่งขึ้น
6. การทำงานร่วมกัน (Team Work) 
การทำงานร่วมกับผู้อื่น การทำงานเป็นทีม และการจ่ายงานให้เพื่อนร่วมทีมก็สำคัญพอๆ กัน อย่าลืมว่านอกจากวินิจฉัยโรคแล้ว การลงมือปฏิบัติงาน เช่น การผ่าตัด ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันกับคนในแผนกอื่นๆ ด้วย 
7. การคิดแก้ปัญหา (Problem Solving) 
การคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา รวมถึงความสามรถในการตัดสินใจ การวินิจฉัยโรคต่างๆ เกิดจากการวิเคราะห์ตามอาการและข้อมูลประกอบกัน ทักษะในด้านนี้จึงสำคัญมาก
8. การยึดหลักจริยธรรม (Ethical Awareness)
จริยธรรมเกี่ยวข้องกับการทำงานของทุกคน ในส่วนของการเป็นหมอ จริยธรรมคือ การดำเนินงานรักษาโรค การตัดสินใจของหมอจึงสำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตและการประพฤติปฏิบัติที่ควรเป็นไปตามความเหมาะสมของวิชาชีพ 
9. ความกระหายรู้ (Intellectual Curiosity)
สนใจขวนขวาย ไม่หยุดที่จะหาความรู้ ติดตามข่าวสารวงการแพทย์และงานวิจัยใหม่ๆ และพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่หยุดอยู่กับที่ ถึงแม้เด็กจะผ่านการสัมภาษณ์และได้รับเลือกให้เรียนแล้ว ทางมหาลัยในต่างประเทศยังมีชุดคำถามและการวัดระดับเพิ่มเติม เพื่อทดสอบว่าเด็กมีพฤติกรรมที่เหมาะสมสำหรับการเป็นหมอหรือไม่ และในระหว่างเรียนจะมีการพัฒนาเรื่องทักษะ (Skill) และทัศนคติ (Attitude) เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง




 ฐานะทางครอบครัวไม่ดีควรทำอย่างไร


    

            ผ่าน ๆ มา เด็กที่สอบติดในระบบของคณะแพทยศาสตร์นั้น มีทุกประเภทนะ มีทั้งรวยเยอะ ๆ และจนมาก ๆ แต่ถ้าสามารถสอบเข้ามาได้แล้ว พี่ว่าแทบทุกมหาวิทยาลัยเขาจะมีทุนให้นิสิต นักศึกษาได้เรียนแน่นอน บางมหาวิทยาลัย หาคนค้ำประกันให้ด้วยนะ หลัก ๆ ของสายนี้คือต้องสอบเข้าให้ได้ก่อน เพราะมันโหดไม่ธรรมดา ต้องฝ่าฟันมากมาย เอาเป็นว่าจะบอกคร่าว ๆ ละกันนะ ในการสอบนั้นมีหลายโครงการ ถ้าเป็นเด็กต่างจังหวัด ลองไปดูส่วนของโค้วต้าก่อน หลังจากนั้นค่อยไล่ดูของสอบตรงที่อื่น ๆ และสุดท้ายคือของ กสพท รายวิชาที่สอบก็สำคัญทั้งหมด อย่าทิ้งวิชาใดไป สำหรับที่บอกว่าอ่อนภาษาอังกฤษนั้น มันเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเรียนทุกระดับซะด้วย โดยเฉพาะสายแพทย์ ต้องลองปรับปรุงตัวเองโดบใช้วิธีคิดทุกอย่างรอบ ๆ ตัวเป็นภาษาอังกฤษดูก่อน ว่าอะไรเรียกว่าอะไรในภาษาอังกฤษ พอเริ่มได้ศัพย์เยอะแล้วลองเรียงเป็นประโยคดูเอาง่าย ๆ ก่อนแล้วค่อยเพิ่มความยากเข้าไป ขณะที่ทำเรื่องพวกนี้ถ้ามีไครให้ถามได้ก็หมั่นเช็คตัวเองดูว่าเราก้าวหน้าไปมากขนาดไหน เนื่องจากอยู่ ม.5 แล้วมีเวลาไม่เยอะมาก ต้องเร่งทำ หลังจากนั้นก็หาแบบฝึกหัดมาลองทำดู ทำเยอะ ๆ จะได้ประสบการณ์เยอะไปด้วย ช่วยได้ในการสอบจริง หาข่าวภาษาอังกฤษมาอ่านให้เยอะ ๆ ตามเว็บเยอะมาก อ่านนี้จะได้ทุกอย่าง และอาจมาเจอในห้องสอบด้วย อย่างไรก็ตาม ในสายที่อยากสอบนี้มันไม่ง่ายเลย ถ้ามีความตั้งใจจริง ๆ อย่างที่บอก ก็ขอให้อดทน มานะ แสวงหาข้อมูลทั้งวิชาการและช่องทางที่จะสอบ ต่อไปอย่างเข้มข้น 



 หลักสูตรที่ต้องเรียน


ปี 1 ปรับพื้นฐานกันก่อน
           ในช่วงปี 1 ใสๆ แบบนี้ (หรอ?) ก็มาปรับพื้นฐานกันก่อน ช่วงเวลา 3 ปีที่เรียน ม. ปลาย ก็ขมวดเหลือปี 1 เทอมแรกนี่แหละ แล้วก็จะเรียนในเนื้อหาที่แอดวานซ์ขึ้น วิชาก็ยังชื่อธรรมดาๆ อยู่ เช่น ฟิสิกส์ทั่วไป (บางสถาบัน), เคมีทั่วไป, ชีววิทยา, แคลคูลัส, ภาษาอังกฤษสำหรับวิชาชีพแพทย์ เป็นต้น ดูเบาๆ เบาสุดก็ปี 1 นี่แหละ

ปี 2 สวัสดีพรีคลีนิก
           พอขึ้นปี 2 ปุ๊บก็จะเรียนรู้วิชาต่างๆ ที่จะใช้ในการรักษา ปี 2 นี่แหละที่น้องๆ จะได้พบกับอาจารย์ใหญ่ พ้อมกล่าวคำปฏิญาณ แรกๆ ตอนเรียนก็จะกลัวๆ หน่อย แต่พอเรียนไปเรียนมาจะสัมผัสได้ถึงความผูกพัน บางคนแอบขอกับอาจารย์ใหญ่ให้ช่วยสอบผ่านด้วยแหละ :) ส่วนรายวิชาจะเป็นเรื่องของระบบร่างกาย เช่น ระบบประสาท ระบบเลือด และมีวิชาอื่นอีก ทั้งกายวิภาค สรีรวิทยา พันธุศาสตร์ เป็นต้น

ปี 3 ร่างนี้มีอะไรที่ทำให้ป่วยบ้าง
           ตอนปี 2 เรารู้จักร่างกายกันไปแล้วว่ามีอะไรบ้าง พอขึ้นปี 3 จะได้เรียนรู้กับสิ่งต่างๆ ที่ทำให้ร่างกายไม่ปกติ เช่น หลักภูมิคุ้มกันวิทยา, ปรสิตวิทยา, พยาธิทั่วไป, เวชศาสตร์ชุมชนฯ จนไปถึงยาต่างๆ ในเภสัชวิทยา แต่เป็นยาแบบพื้นฐาน ถ้าลงลึกกว่านี้ต้องไปปรึกษาเด็กเภสัชฯแล้วล่ะค่ะ

ปี 4 สถานีต่อไป ... ชั้นคลีนิก
           บอกลาการปิดเทอมไปได้เลย ไม่มีแล้วค่ะ ปี 4 เป็นปีแรกในการก้าวสู่ชั้นคลีนิค เป็นปีที่เริ่มไปเรียนรู้และทดลองดูแลคนไข้จริงๆ ที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งก็จะวนไปตามวอร์ดต่างๆ จนครบ เป็นปีที่ต้องตื่นเช้ามากกกก และนอนดึกมาก ถ้าเพื่อนๆ ที่เรียนแพทย์หายไปจากโซเชียลไม่ต้องไปน้อยใจเลยนะคะ คือไม่มีเวลาจริงๆ เพราะต้องขึ้นวอร์ดด้วย เรียนเลคเชอร์ด้วย แต่สักพักจะปรับตัวได้เอง (มั้ง)  

ปี 5 หนักกว่านี้พี่ก็สู้
           เป็นช่วงชั้นปีที่บอกเลยว่า แอบโหด (แต่ยังไม่โหดสุด) เป็นชั้นปีที่จะวนเวียนอยู่แต่บนวอร์ดนี่แหละ จากตอนปี 4 คิดว่ามาถึงวอร์ด 7 โมงคือเช้าแล้ว ปี 5 อาจจะมี ตี 4 จนโต้รุ่งอีกวันได้เลยจ้า ซึ่งชั้นปี 5 จะไม่ได้แค่มองๆ แล้วจนตามหมอแล้ว แต่จะมีให้วินิจฉัยร่วมด้วย เย็บแผลด้วย ช่วยทำคลอดด้วย เลคเชอร์ก็ต้องเรียน และต้องเตรียมตัวสอบใบประกอบวิชาชีพขั้นที่ 2 ด้วย เอาสิ!!

ปี 6 ช่วงชีวิต Extern
           ปีสุดท้ายแล้ววววว เดินทางมาไกลเนาะ ผ่านมา 5 ปีแล้ว ในชั้นปี 6 ก็สามารถเริ่มรักษาคนไข้ได้แล้วค่ะ สิ่งที่ต่างออกไปคือ เราจะใช้เวลาอยู่ในแต่ละหอนานขึ้น และก็มีออกไปลองเป็นหมอในโรงพยาบาลต่างจังหวัดด้วยค่ะ ซึ่งรอบนี้ไม่มีใครช่วยแล้ว ต้องใช้ความรู้ที่เรียนมาล้วนๆ พอจบ 6 ปีก็สอบใบประกอบวิชาชีพขั้นสุดท้าย และเตรียมตัวใช้ทุนต่อไป



My Profile





ชื่อ..ปาจรีย์  บำรุงศรี        ชื่อเล่น  มะนาว    
วันเกิด อังคารที่ 4 กันยายน 2544
จากโรงเรียน ดอนเมืองทหารอากาศบำรุง
งานอดิเรก ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ
ความสามารถพิเศษ ร้องเพลง
ถนัดในวิชา ชีววิทยา ภาษาอังกฤษ
มหาวิทยาลัยที่อยากเข้า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต   เพราะ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านคณะแพทย์ศาสตร์และใกล้บ้าน
คติประจำใจ คนมีความพยายาม ย่อมสำเร็จดังใจหวังเสมอ

          

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

การวิเคราะห์และวิจารณ์บทความ



การวิเคราะห์และวิจารณ์บทความในหัวข้อ รีวิวสถานที่ท่องเที่ยว


จากบทความของ : เจ้าหญิง 
ชื่อบทความว่า     : ภูเก็ตทะเลสวยน้ำใส


ดิฉันมีความคิดเห็นว่าเป็นบทความที่มีความน่าสนใจในระดับหนึ่งในหัวข้อการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว ในเขตพื้นที่หาดป่าตอง ซึ่งบอกทางเลือกวิธีการไปอย่างละเอียด และมีการนำเสนอกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างเช่นการไปดำน้ำ และการแนะนำถนนคนเดินตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังเป็นภาษาวัยรุ่นที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายไม่ผิดเพี้ยนจนเกินไป

สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://yingmymemory.blogspot.com/2018/06/


จากบทความของ : Ttirk_17   
ชื่อบทความว่า     : รีวิวเที่ยวใต้ เขื่อนแห่ง จ.สุราษฎร์ธานี เขื่อนรัชชประภา กุ้ยหลินเมือง                                    ไทย



            ในบทความนี้มีการชี้แจงถึงสภาพแวดล้อมของธรรมชาติรอบๆในเขื่อนรัชชประภาและบอกลักษณะของพื้นที่ ว่ามีความลาดชันตรงจุดไหนและมีจุดไหนที่มองเห็นวิวได้ดี ซึ่งเป็นจุดดึงดูดทำให้ผู้อื่นที่เข้ามาอ่านบทความนี้มีความรู้สึกสนใจและอยากไปท่องเที่ยวชมความสวยงามของธรรมชาติ   

สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://mobaang.blogspot.com/


จากบทความของMissGing 
ชื่อบทความว่า     : รีวิวหาดบางเสร่


            ดิฉันชอบบทความนี้ตรงที่มีรีวิวที่พักที่ราคาถูกสะดวกสะบายบริการดี และหาดพื้นที่ข้างเคียง บอกทางไปโดยรถครอบครัวอย่างง่ายๆ รวมไปถึงภาษาที่สื่อออกมาในบทความแสดงถึงอารมณ์ความสนุกสนานในการท่องเที่ยวครั้งนี้

สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://missgingtime.blogspot.com/2018/07/blog-post.html


            แต่จากบทความทั้ง 3 ดิฉันอยากให้มีรีวิวร้านอาหารอาหารเพิ่มเติมลงในบทความ ว่าร้านไหนอร่อยหรือไม่อร่อยและร้านไหนราคาถูกราคาแพง เพราะเนื่องจากการไปท่องเที่ยวไม่ว่าที่ใดก็ตามสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นคืออาหาร และอีกอย่างที่อยากแนะนำเพิ่มเติม คือ บอกความเป็นมาของสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้รอบตัวให้แก่ผู้อ่าน

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

รีวิวซีรีย์ ที่ดูแล้ว HAPPY ในช่วงปิดเทอม

รีวิวซีรีย์ ที่ดูแล้ว HAPPY ในช่วงปิดเทอม
            ฮัลโหลลลลล เพื่อนๆที่น่ารัก วันเน้เราจะมารีวิวซีรี่ย์ฝรั่งเรื่องหนึ่งที่เราดูตอนปิดเทอมแล้วรู้สึกว่าเฮ้ยยยยย มันสนุก มันลุ้น มันพีค ชื่อเรื่องว่า iZombie เป็นซีรีย์ของค่าย DC ที่ทำออกมาในแนว ดราม่า Drama  ตลก Comedy และสืบสวนสอบสวน Crime





                 เริ่มเรื่องมาด้วยชีวิตของแพทย์สาวฝึกหัด ชื่อว่า โอลิเวีย มัวร์ ชื่อเล่นคือ ลิฟ นางกำลังไปได้ดีทั้งในเรื่องหน้าที่การงานและความรัก อยู่มาวันหนึ่งลิฟท์ถูกชวนไปงานปาร์ตี้ที่เรือกลางทะเลสาบ แต่ทว่าในเรือนั้นมีพวกวัยรุ่นเสพสารเสพติดชนิดใหม่ที่ทำให้กลายร่างเป็นซอมบี้ ทุกคนในเรือเกิดอาการบ้าคลั่ง ไล่กัดกันเอง ด้วยความที่ลิฟท์นางเป็นหมอเลยไม่เสพยานี้ แต่ก็ยังไม่วาย มาโดนข่วนจนตกน้ำและสลบ เมื่อตื่นมาในถุงเก็บศพก้พบว่าตัวเองกลายร่างเป็น "ซอมบี้" ไปสะแล้ววว






                  ด้วยเหตุนี้นางจึงยกเลิกงานแต่งกับแฟนและผันตัวเองไปทำงานฝ่ายชัณสูตรศพกับ Dr.ราวี่ เพราะคิดว่าเป็นอาชีพที่หาสมองกินได้ง่ายที่สุด ลิฟค้นพบว่าการจะกินอาหารที่ใช้สมองเป็นส่วนผสมหลักจะต้องมีรสชาติเผ็ดเพราะเป็นวิธีเดี่ยวที่จะรับรู้รสอาหารได้




                แน่นอนว่าการทำงานในฝ่ายชัณสูตรศพ จะต้องทำงานสืบสวนสอบสวนร่วมกับตำรวจ โดยตำรวจที่ทำหน้าที่ร่วมกับฝ่ายนี้คือ บาโบนัว วันหนึ่งลิฟกินสมองของผู้ตายจากเหตุฆาตกรรม แล้วเห็นของกลางที่เป็นของผู้ตาย ก็เกิดมีภาพนิมิตเข้ามาในหัว และนิสัย การพูด ความคิด ความรู้ ความสามารถของลิฟก็เปลี่ยนไปตามนิสัยของผู้ตายแต่ละคน จึงทำให้ช่วยหาตัวคนร้ายได้ในคดีนั้นๆ แต่ความพีคไม่ได้มีแค่เน้!!!!
\



                  เป็นไงล่ะ นี่แค่ผิวๆนะจ๊ะ555555 ความสนุกยังมีอีกเพียบ ถ้าสนใจเพื่อนๆสามารถไปค้นหาชื่อเรื่องใน Google ได้เลย  มีทั้งแบบพากย์ไทย และซับไทย แต่เราแนะนำให้ดูแบบซับไทยนะ มันได้ฟีลและได้ความรู้ด้านภาษาด้วยยยยย


คะแนนที่จะให้เรื่องนี้คือ 9/10

มหาวิทยาลัยและคณะในฝัน



มหาวิทยาลัยและคณะในฝัน

    สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะคะ ^/\^ วันนี้มะนาวจะมาบอกมหาวิทยาลัยและคณะที่กำลังสนใจนั่นก็คือ!!!  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์   เอาตรงๆนะเพื่อนๆ =.= ในตอนแรกนาวไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถาบันและคณะนี้เลย จนมีวันหนึ่งฉุดคิดได้ว่า อีกไม่นานก้จบม.6แล้วตกลงจะต่อคณะอะไร  (ที่เลือกคณะก่อนมหาวิทยาลัยเพราะเราคิดว่ามันสำคัญกว่าอ่ะจะเข้ามหาวิทยาลัยก้ค่อยหาทีหลัง) เลยลองบอกให้เพื่อนๆพูดถึงนิสัยเรา เพื่อนก็จะบอกว่า ชอบดูเเลเทคแคร์คนอื่นในด้านสุขภาพและเรื่องเล็กๆน้อย เราเลยคิดขึ้นได้ว่าอาชีพที่เกี่ยวกับสาธารณะสุขก็น่าสนใจดีนะ ^^



           ทำไมถึงสนใจในมหาวิทยาลัยและคณะนี้??
              เนื่องจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยที่ใกล้บ้านเรา และเราคิดว่าเราสะดวกที่จะเดินทางไป-กลับ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านของคณะสาธารณะสุขศาสตร์มาให้ได้ยินอีกด้วยเราก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับคณะนี้ และไปเจอบทความของพี่วิวชื่อว่า         เปิดรั้ว "สาธารณสุขศาสตร์" รู้มั้ย เขาเรียนอะไรกันแน่ ?? ในเว็บของ Dek-D  แล้วก็ได้รู้ว่าคณะสาธารณสุขศาสตร์ มีอะไรน่าสนใจกว่าที่เราคิด


เรียนเกี่ยวกับอะไร?
    เท่าที่เราไปหามา เราได้ข้อมูลว่า คณะนี้เรียนเกี่ยวกับ การบริการด้านสาธารณสุข โดยศึกษาทางด้านการป้องกันโรค การควบคุมโรค และการส่งเสริมสุขภาพให้กับประชาชนทั่วไป  สอนเกี่ยวกับการดูแลและจัดการสุขภาพทั้งหมดของชุมชนโดยใช้การวิเคราะห์ด้านสุขภาพของประชากร เพื่อการมีสภาพชีวิตทั้งทางกายภาพ จิตใจและทางสังคมที่สมบูรณ์แข็งแรง โดยมุ่งศึกษา ค้นคว้า วิจัย การบริการด้านสาธารณสุข ศึกษาทางด้านการป้องกันโรค การควบคุมโรค และการส่งเสริมสุขภาพให้กับประชาชนทั่วไป โดยคณะนี้จะแบ่งได้หลากหลายสาขาวิชาเฉพาะ อาทิ โภชนวิทยาและการกำหนดอาหาร วิทยาศาสตร์การอาหารเพื่อสุขภาพ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย  สร้างเสริมสุขภาพ เป็นต้น เป็นไงล่ะ เยอะใช่ปะ55555  แต่สำหรับเราเราคิดว่าไม่น่าจะยากเกินความสามารถที่มีหรอก



วางแผนการสอบเข้ายังไง??
 
               เราวางแผนไว้ว่า เราจะปรับตัวจากใช้ชีวิตเล่นๆปกติ เป็นอ่านหนังสือและตะลุยข้อสอบเก่าๆ วันละ 2 ชั่วโมง(ถ้าวันไหนไม่ไหวจริงๆก็คงจะแค่ 1 ชั่วโมงแหละนะ55555) ซึ่งในตอนนี้เราก็กำลังเริ่มเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน และติวกันเองกับเพื่อนๆเพื่อช่วยกันทบทวนและพัฒนาความรู้อันน้อยนิดที่มี =_=

หลักสูตรที่ต้องเจอแน่ๆในคณะนี้มีอะไรบ้าง??
   เราไปศึกษาจากบทความพี่วิวมา พี่เขาได้เล่าประมาณว่าตอนปีหนึ่งจะเรียนคล้ายๆ ม.ปลายแต่ลึก+เยอะกว่ามาก แล้วก็มีวิชาสังคม(MUGE) และภาษาไทย,วิชาภาษาอังกฤษที่แบ่งระดับเรียนเป็น Level 1-6 (ในที่นี้ระบบจะจัดเลเวลให้เราเองอาจดูจากคะแนนต่างๆ ที่เรายื่นมา)วิชาคอมพิวเตอร์ ที่ไม่พลาดแน่ๆคือวิชาคำนวณนั่นคืออออวิชาแคลคูลัส(เรียนตอนปี 1) และ วิชาสถิติ(เรียนตอนปี 2)
ส่วนปีสองจะเจอวิชาแนววิทย์สุขภาพล้วนๆ อันได้ แก่ Microbiology(จุลชีววิทยา+แล็บ) , Biochemistry(ชีวเคมี+แล็บ) , Anatomy(กายวิภาคศาสตร์พื้นฐาน +เรียนแล็บกับร่างอาจารย์ใหญ่ด้วยจ้า) , Physiology(สรีรวิทยา+แล็บ) , อินทรีย์เคมี(ภาคต่อจากปีหนึ่ง+แล็บ) ,วิชาเกี่ยวกับสังคมและมนุษย์กับความชื่นชมศิลปะ นอกจากนี้ยังมีวิชาขั้นแนะนำสู่สาขาวิชาต่างๆ ด้วย

โอ่ยยยยยย มันจะไปยากอัลไลลลลลล //พูดปลอบใจตัวเอง TT// แค่ต้องมีความอดทนและวินัยในตนเองก้น่าจะสบายแหละหน่าาา 

อาชีพที่สนใจหลังจากเรียนจบคณะนี้
เราไปหามาแล้วววว เราคิดว่าเจ้าหน้าที่สุขศึกษาสาธารณสุขก็น่าทำนะ โดยนักสุขศึกษาจะช่วยวางแผน เขียนนโยบาย ศึกษา พิจารณาปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัย ช่วยพัฒนาและส่งเสริมจัดการโครงการส่งเสริมสุขภาพต่าง ๆ พร้อมทั้งให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ เพื่อทำให้สุขอนามัยของนักเรียน คนทำงาน และคนในชุมชนมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทำงานได้ทั้งในโรงเรียน(เราชอบเด็กกก5555) โรงพยาบาล หน่วยงานของรัฐ และชุมชนต่าง ๆ


                                                                                
เราขอจบการเล่าเรื่องของมหาวิทยาลัยและคณะในฝันแค่นี้นะเพื่อนๆ หวังว่าเพื่อนๆจะสนใจแล้วมาเรียนด้วยกันนะ อิอิ ><






วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

กาญจนบุรี


รีวิว เที่ยวกาญจนบุรี ทริปดีๆนั่งรถไฟ


      สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุ้กกกกกคน วันนี้เราจะมารีวิวและชวนเพื่อนๆไปเที่ยวที่จังหวัด 
กาญน๊ะจ๊ะบุรี  เอ้ยยยไม่ใช่!! มันต้อง กาญจนบุรี      
ที่คุ้มค่าและชิวมว้ากกกก เอ้าลืมบอกชื่อ55555  เราชื่อ มะนาว เราเป็นคนชอบเที่ยวไม่ว่าใกล้หรือไกล ถ้ามีโอกาสและเงิน(สำคัญสุดๆ) เราก้จะหาเที่ยวที่ไปผ่อนคลายหลังจากการเรียนที่หนักมาทั้งเทอม เอาหล่ะเพื่อเป็นการไม่เสียเวลา มาดูเลยว่าเราไปที่ไหนของกาญจนบุรีมาบ้าง





การเดินทาง

        เราไปโดยเดินทางรถไฟขบวน 909-910 ที่เขาจัดท่องเที่ยวแบบไป-กลับ ก็ตกราคาคนละ 120 บาท  ซึ่งเราว่าคุ้มมากๆ เลยนะ แล้วก็สบายด้วย เราเริ่มออกจากสถานีบางซื่อตอนประมาณ6โมงเช้า 



ทางรถไฟสายมรณะ สะพานข้ามแม่น้ำแคว
      เป็นทางผ่านและสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม น่ากลัวและตื่นเต้นมาก เพราะฝั่งขวาจะเป็นหน้าผาและภูเขาที่เขาบอกว่าศักดิ์สิทธิ์ จะมีบางช่วงที่เขาชะลอรถไฟให้เพื่อแตะหินหน้าผาแล้วอธิษฐาน แต่ถ้าตอนรถไฟวิ่งเร็วๆนี่อันตรายมากพูดง่ายๆคือยื่นหัวออกไปมีโอกาสหัวขาดเลยแหละ555555เพราะ
มันใกล้มาก ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นแม่น้ำแคว เมื่อข้ามแม่น้ำไปก้จะเป็นเขตประเทศเมียนมาร์ พอมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควก็จะจอดรถไฟให้เดินถ่ายรูป มีตลาดให้เดินซื้อของกิน เสื้อผ้า ของเล่น และเครื่องราง แต่เราต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้เพื่อนๆดู




        

น้ำตกไทรโยกน้อย
        และแล้วก้มาถึงจุดหมายที่ใจตั้งไว้555555 น้ำตกที่นี่น้ำใสมากๆ ใสจริงๆ ไม่ได้ประชด แล้วก็สวยมากๆด้วย ช่วงที่เราไปเป็นช่วงหน้าหนาว แต่แดดแรงมาก =.= ก็จะตัวสั่นนิดหน่อยเวลาลงน้ำแล้วก็ได้ไข้กลับบ้าน ฮ่าฮ่าา







สุสานทหารพันธมิตรดอนรัก
       ที่นี่เป็นสถานที่สุดท้ายที่เราได้แวะ เป็นสุสานของเชลยสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ที่เสียชีวิตในตอนสร้างสะพานแม่น้ำแคว เป็นสถานที่ที่เราไปแล้วรู้สึกหดหู่ที่สุด5555 เพราะว่ามีป้ายชื่อเรียงรายเกือบหมื่น แต่ก็มีความสวยงามนะ เพราะเขาปลูกดอกไม้เล็กๆสีสันสวยงามไว้เยอะแยะเลยแหละ


       พอเที่ยวสถานที่สุดท้ายเสร็จเราก็กลับรถไฟขบวนเดิม ถึงสถานีบางซื่อ อย่างปลอดภัยครบ32 ประการตอนประมาณ19.00-20.00น. ประมาณนี้แหละ เราจำไม่ได้55555


       ในการไปเที่ยวครั้งนี้ เราได้ทั้งความสนุกและผ่อนคลาย อาจจะมีเหนื่อยนิดหน่อยเพราะคนเยอะ แต่ก็ถือว่าคุ้มกับราคา120บาทที่ได้เที่ยวประมาณ4-5ที่ภายใน1วัน ครั้งต่อไปเราวางแผนว่าเราจะนั่งรถไฟไปเชียงใหม่ แล้วก็ต่อด้วยแม่ฮ่องสอน55555 ชีวิตเป็นของเรา ใช้ให้คุ้มนะเพื่อนๆ เราขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะ บ้ายบายยยยยย